ไม่มี.
ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, กายสังขารก็ไม่
ใช่เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?
เคยเกิด.
จบ กายสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี
กายสังขารมูล จบ
วจีสังขารมูล
วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี :-
[1111] วจีสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลใด, จิตตสังขาร
ก็ไม้ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?
ไม่มี.
ก็หรือว่า จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลใด, วจีสังขารก็ไม่ใช่
เคยเกิดแก่บุคคลนั้น ใช่ไหม ?
เคยเกิด.
จบ วจีสังขารมูละ จิตตสังขารมูลี
วจีสังขารมูล จบ
ปุคคลวาระ จบ
โอกาสวาระ
กายสังขารมูล
กายสังขารมูละ ฯ ล ฯ
[1112] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดในภูมิใด, ฯ ล ฯ
กายสังขารมูล จบ
โอกาสวาระ จบ
ปุคคโลกาสวาระ
กายสังขารมูล
กายสังขารมูละ วจีสังขารมูลี :-
[1113] กายสังขารไม่ใช่เคยเกิด แก่บุคคลใดในภูมิใด, วจี-
สังขารก็ไม่ใช่จักเกิดแก่บุคคลนั้นในภูมินั้น ใช่ไหม ?
บุคคลที่เกิดอยู่ในรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่เกิดอยู่ในอรูปาวจรภูมิ
ก็ดี กายสังขารไม่ใช่เคยเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น แต่วจีสังขาร
จักเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น, ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีวิตก
และมีวิจารในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิก็ดี บุคคลที่ถึงพร้อมด้วย
ปรินิพพานจิตที่ไม่มีวิตกและไม่มีวิจารก็ดี ปัจฉิมจิตของบุคคลที่ไม่มี